วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

-ประวัติการก่อตั้งบุคคลัภย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งนับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของชาวสยามนั้น เริ่มต้นขึ้นในนาม “บุคคลัภย์” (Book Club) โดย พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕  ทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ที่จะให้มีสถาบันการเงินของสยามเป็นฐานรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
สืบเนื่องมาจากในสมัยรัชกาลที่ ๔ หลังจากไทยเปิดประตูกับประเทศตะวันตกอิทธิพลของจักรวรรดินิยมตะวันตกกำลังแผ่เข้ามาคุกคามดินแดนสยามเป็นอย่างมาก เป็นเวลาที่ชาวต่างประเทศจากทวีปยุโรปและอเมริกา กำลังขยายเส้นทางการค้าขายมาทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว และนับตั้งแต่ประเทศไทยทำสนธิสัญญาทางการค้ากับประเทศอังกฤษ ที่เรียกว่า “สัญญาเบาว์ริ่ง”  ใน พ.ศ. ๒๓๙๘ ได้มีการทำสัญญาการค้าเช่นเดียวกันนี้ กับประเทศฝรั่งเศส โปรตุเกส เดนมาร์ค เนเธอร์แลนด์ และรัสเซีย เป็นต้น
ซึ่งมีธนาคารของชาวตะวันตกตามเข้ามาเปิดบริการลูกค้าของตนในกรุงเทพฯ เช่น ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้  ธนาคารชาร์เตอร์ด  ธนาคารอินโดจีน  นอกจากนี้ในปี พ.ศ. ๒๔๓๑ ยังมีชาวอังกฤษคบคิดกันจะตั้ง “แบงก์หลวงกรุงสยาม”โดยให้คนไทยซื้อหุ้นได้ไม่เกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ทำท่าว่าจะเป็นการยึดการคลังของประเทศ
ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชการที่ ๕ ) ทรงเห็นความจำเป็นในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาอารยประเทศและเพื่อทำให้ประจักษ์ถึงฐานะและบทบาทของไทยที่มีความ “ศิวิไลซ์” เช่นเดียวกับอารยประเทศอื่นๆในสังคมโลก โดยมีความคิดในการจัดตั้ง “ธนาคารกลาง” (National Bank) เป็นธนาคารของประเทศ

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าจ้าอยู่หัวและพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมหิศรราช-หฤทัย เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งตามเสด็จประพาสยุโรป ดูงานการธนาคารมาเป็นเวลา ๙ เดือน จึงทรงดำริตรงกันที่จะตั้งสถาบันการเงินของไทยขึ้นบ้างแต่ต่อมาทรงเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีอุปสรรคมาก โดยเฉพาะขาดความร่วมมือจากที่ปรึกษาการคลังของประเทศซึ่งเป็นชาวอังกฤษในขณะนั้น ด้วยเหตุผลว่า  
 “...เรื่องแบงก์กิงจะคิดกับพวกอังกฤษคงไม่มีทางสำเร็จเพราะเป็นการผิดทางที่เขาเป็นคนกับทั้งเป็นข้าราชการของอังกฤษ ซึ่งจำต้องรักษาผลประโยชน์ของอังกฤษเป็นธรรมดา ... รู้สึกว่าเขาไม่อยากให้เรามีกำลังที่จะตัดผลประโยชน์ในธุระของชาติเขา...แลร้องว่าในประเทศอินเดีย รัฐบาลก็หาได้ตั้งแนชนัลแบงก์ไม่...
ดังนั้นจึงทรงระงับการจัดตั้งธนาคารกลางไว้ก่อน แนวคิดในการจัดตั้ง “ธนาคารกลาง” ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ที่ถูกระงับไปก่อนเนื่องจากที่ปรึกษาการคลังชาวอังกฤษไม่เห็นด้วยและไม่ให้การสนับสนุน แต่ด้วยตระหนักถึงความยากลำบากของคนไทย และพ่อค้าชาวจีนที่ไม่ได้รับความสะดวกจากธนาคารต่างประเทศในไทยเท่าที่ควร จึงทรงมุ่งมั่นในการจัดตั้ง “ธนาคารพาณิชย์ของไทย” ขึ้น เพื่อจะได้เป็นกำลังในการตั้งธนาคารของชาติขึ้นได้ในเวลาต่อไป
ในที่สุดสถาบันการเงินแห่งแรกของคนไทยก็แอบเปิดขึ้นได้ในวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ โดยใช้ตึกแถวของพระคลังข้างที่  ที่บ้านหม้อเป็นสำนักงานแห่งแรกในชื่อ  “บุคคลัภย์” ให้มีความหมายเป็น  “Book Club”  ซึ่งชื่อ  “บุคคลัภย์” นั้น กรมหมื่นมหิศราฯ ได้มีหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าไว้ว่า
“สำหรับคนไทยฟัง ก็คิดแปลเล่นขันๆ ไม่รู้ว่าอะไร ถ้าฝรั่งฟังก็เข้าใจว่าปับบลิกไลเบรรี และทำอะไรต่ออะไรให้เคลือบคลุม เพื่อไม่ให้ทราบว่าจัดแบบแบงก์กิง...” 
และได้มีการกำหนดไว้ ในหนังสือบริคณฑ์สนธิ หรือที่เรียกว่า “หนังสือแจ้งความเรื่องตั้งบุคคลัภย์” ว่าเป็นกิจการห้องสมุด มีหนังสือประเภทต่างๆไว้บริการให้สมาชิกอ่านและยืมได้ เพื่อแสดงตนเป็นกลลวงต่างประเทศบางกลุ่ม แต่ในทางปฏิบัติ บุคคลัภย์ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ รับฝากเงินโดยให้ดอกเบี้ย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น