ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งนับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของชาวสยามนั้น
เริ่มต้นขึ้นในนาม
“บุคคลัภย์” (Book Club) โดย
พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย
ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
๕
ทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ที่จะให้มีสถาบันการเงินของสยามเป็นฐานรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
สืบเนื่องมาจากในสมัยรัชกาลที่ ๔
หลังจากไทยเปิดประตูกับประเทศตะวันตกอิทธิพลของจักรวรรดินิยมตะวันตกกำลังแผ่เข้ามาคุกคามดินแดนสยามเป็นอย่างมาก
เป็นเวลาที่ชาวต่างประเทศจากทวีปยุโรปและอเมริกา
กำลังขยายเส้นทางการค้าขายมาทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว
และนับตั้งแต่ประเทศไทยทำสนธิสัญญาทางการค้ากับประเทศอังกฤษ ที่เรียกว่า “สัญญาเบาว์ริ่ง” ใน พ.ศ. ๒๓๙๘
ได้มีการทำสัญญาการค้าเช่นเดียวกันนี้ กับประเทศฝรั่งเศส โปรตุเกส เดนมาร์ค
เนเธอร์แลนด์ และรัสเซีย เป็นต้น
ซึ่งมีธนาคารของชาวตะวันตกตามเข้ามาเปิดบริการลูกค้าของตนในกรุงเทพฯ
เช่น ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ธนาคารชาร์เตอร์ด
ธนาคารอินโดจีน นอกจากนี้ในปี พ.ศ. ๒๔๓๑
ยังมีชาวอังกฤษคบคิดกันจะตั้ง “แบงก์หลวงกรุงสยาม”โดยให้คนไทยซื้อหุ้นได้ไม่เกิน
๕๐ เปอร์เซ็นต์ ทำท่าว่าจะเป็นการยึดการคลังของประเทศ
ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชการที่ ๕ )
ทรงเห็นความจำเป็นในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาอารยประเทศและเพื่อทำให้ประจักษ์ถึงฐานะและบทบาทของไทยที่มีความ “ศิวิไลซ์” เช่นเดียวกับอารยประเทศอื่นๆในสังคมโลก
โดยมีความคิดในการจัดตั้ง “ธนาคารกลาง”
(National Bank) เป็นธนาคารของประเทศ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าจ้าอยู่หัวและพระเจ้าน้องยาเธอ
กรมหมื่นมหิศรราช-หฤทัย เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งตามเสด็จประพาสยุโรป
ดูงานการธนาคารมาเป็นเวลา ๙ เดือน
จึงทรงดำริตรงกันที่จะตั้งสถาบันการเงินของไทยขึ้นบ้างแต่ต่อมาทรงเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีอุปสรรคมาก
โดยเฉพาะขาดความร่วมมือจากที่ปรึกษาการคลังของประเทศซึ่งเป็นชาวอังกฤษในขณะนั้น
ด้วยเหตุผลว่า
“...เรื่องแบงก์กิงจะคิดกับพวกอังกฤษคงไม่มีทางสำเร็จเพราะเป็นการผิดทางที่เขาเป็นคนกับทั้งเป็นข้าราชการของอังกฤษ
ซึ่งจำต้องรักษาผลประโยชน์ของอังกฤษเป็นธรรมดา ... รู้สึกว่าเขาไม่อยากให้เรามีกำลังที่จะตัดผลประโยชน์ในธุระของชาติเขา...แลร้องว่าในประเทศอินเดีย
รัฐบาลก็หาได้ตั้งแนชนัลแบงก์ไม่...”
ดังนั้นจึงทรงระงับการจัดตั้งธนาคารกลางไว้ก่อน แนวคิดในการจัดตั้ง
“ธนาคารกลาง” ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย
ที่ถูกระงับไปก่อนเนื่องจากที่ปรึกษาการคลังชาวอังกฤษไม่เห็นด้วยและไม่ให้การสนับสนุน
แต่ด้วยตระหนักถึงความยากลำบากของคนไทย
และพ่อค้าชาวจีนที่ไม่ได้รับความสะดวกจากธนาคารต่างประเทศในไทยเท่าที่ควร
จึงทรงมุ่งมั่นในการจัดตั้ง “ธนาคารพาณิชย์ของไทย” ขึ้น
เพื่อจะได้เป็นกำลังในการตั้งธนาคารของชาติขึ้นได้ในเวลาต่อไป
ในที่สุดสถาบันการเงินแห่งแรกของคนไทยก็แอบเปิดขึ้นได้ในวันที่ ๔
ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ โดยใช้ตึกแถวของพระคลังข้างที่ ที่บ้านหม้อเป็นสำนักงานแห่งแรกในชื่อ “บุคคลัภย์”
ให้มีความหมายเป็น “Book Club” ซึ่งชื่อ
“บุคคลัภย์” นั้น กรมหมื่นมหิศราฯ
ได้มีหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าไว้ว่า
“สำหรับคนไทยฟัง ก็คิดแปลเล่นขันๆ ไม่รู้ว่าอะไร
ถ้าฝรั่งฟังก็เข้าใจว่าปับบลิกไลเบรรี และทำอะไรต่ออะไรให้เคลือบคลุม
เพื่อไม่ให้ทราบว่าจัดแบบแบงก์กิง...”
และได้มีการกำหนดไว้ ในหนังสือบริคณฑ์สนธิ หรือที่เรียกว่า
“หนังสือแจ้งความเรื่องตั้งบุคคลัภย์” ว่าเป็นกิจการห้องสมุด
มีหนังสือประเภทต่างๆไว้บริการให้สมาชิกอ่านและยืมได้ เพื่อแสดงตนเป็นกลลวงต่างประเทศบางกลุ่ม แต่ในทางปฏิบัติ
บุคคลัภย์ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ รับฝากเงินโดยให้ดอกเบี้ย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น