ที่มารูปภาพ : https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUo4RFaXqNJB9wJzGl1w1UwC9QAcdIBgz8cEadNf82_VHqiEwkIw0J0VGD4L6Q5uaRIVQ-ISZloKmjH8jNtnDa_EsmMbSwiNg8jeS3CcD_sHpaE3wJlCyNDeJgaonHRl-G_LGIBcyAd39d/s1600/Slide3.JPG
ในช่วงที่สยามประเทศต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ บริษัทแบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ในขณะนั้นได้เปลี่ยนชื่อตามนโยบาย “เชื้อชาตินิยม” ของรัฐบาลที่เปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” ในวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๒ เพื่อรับกับการเปลี่ยนชื่อประเทศ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด” พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของธนาคารใหม่ให้ชาวไทยที่มีความรู้ความสามารถได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร แทนที่จะเป็นชาวตะวันตกแบบเดิม
หลังจากเปลี่ยนชื่อเป็น
“ธนาคารไทยพาณิชย์” ได้เพียง ๒ ปี สงครามมหาเอเชียบูรพาก็เกิดขึ้น
โดยกองทัพญี่ปุ่นได้ยาตราเข้าสู่ประเทศไทย ในคืนวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
เพื่อขอเดินทัพผ่านไปยังแหลมมลายูและประเทศพม่า รัฐบาลไทยจำต้องให้ความร่วมมือ
และในที่สุดได้ประกาศสงครามกับสัมพันธมิตรในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ด้วยสภาพการณ์ที่กล่าว
การค้าต่างประเทศของไทย
จึงทำได้กับเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและดินแดนในอาณัติของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่แม้เช่นนั้น ธนาคารก็ยังสามารถขยายสาขาออกไปยังภูมิภาคได้อีก ๑
แห่งที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าพืชไร่จำนวนมาก
ทั้งเป็นที่ต้องการในฐานะสินค้าสำคัญใน พ.ศ. ๒๔๘๕
หลังจากนี้
ธนาคารก็แต่งตั้งชาวไทยที่มีความสามารถมาดำรงตำแหน่งนี้ตลอดมา
นอกจากนี้ผลของสงครามครั้งนี้
ยังทำให้สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่เป็นคู่สงครามของประเทศญี่ปุ่นต้องปิดกิจการลง จึงมีการตั้งธนาคารของชาวไทยขึ้นดำเนินงานแทนหลายธนาคาร
ได้แก่ ธนาคารมณฑล จำกัด (พ.ศ.๒๔๘๕) ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (พ.ศ. ๒๔๘๗)
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (พ.ศ. ๒๔๘๗) ธนาคารแห่งกรุงศรีอยุธยา จำกัด (พ.ศ. ๒๔๘๘)
และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (พ.ศ. ๒๔๘๘)
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่
๒ สงบลงใน พ.ศ. ๒๔๘ แล้ว ความต้องการสินค้าทางการเกษตรยังคงมีอยู่สูงมาก
จึงเป็นผลทำให้สินค้าทางการเกษตรของไทยมีราคาสูงขึ้นในตลาดโลก
การส่งสินค้าออกก็เริ่มเฟื่องฟูขึ้น
มีการตั้งบริษัทสั่งสินค้าเข้าและส่งสินค้าออกเกิดขึ้นอย่างมากมาย
ประกอบกับประเทศไทย
มีการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
โดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่เปิดดำเนินการใน พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นผู้ควบคุม
เมื่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้นกลับสู่สภาพปกติ
และเริ่มขยายตัวเจริญขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาวะของสงครามในประเทศเกาหลีระหว่าง
พ.ศ. ๒๔๙๒ –๒๔๙๔ที่ทำให้สินค้าออกของประเทศไทย ทั้งข้าว ยางพารา และดีบุก
อันเป็นสินค้ายุทธปัจจัยมีราคาสูงและเป็นที่ต้องการ
การค้าระหว่างประเทศจึงขยายตัวอย่างรวดเร็ว
และมีธนาคารพาณิชย์ของไทยได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการขึ้นอีก ดังเช่น
ธนาคารแหลมทอง (พ.ศ. ๒๔๙๑) สหธนาคารกรุงเทพ(พ.ศ.๒๔๙๒) ธนาคารไทยทนุ (พ.ศ. ๒๔๙๒)
ธนาคารเกษตร (พ.ศ. ๒๔๙๓) ธนาคารทหารไทย (พ.ศ. ๒๕๐๐)
ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ของไทยกำลังก่อตั้งขึ้นอย่างมากมายนี้
ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ขยายสาขาออกไปอีก ๖ สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
หลังจากประเทศไทยได้นำเอาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาเป็นแผนนำ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมาตั้งแต่
พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นต้นมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น